การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อแก้ปัญหาร่องแก้มลึกอย่างเป็นธรรมชาติ
ร่องแก้มลึก สำหรับใครหลายคนแล้วคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้หนักใจ โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นกับผู้หญิง เพราะใบหน้าจะดูมีอายุ การจัดการกับปัญหานี้โดยการเติม ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ชนิดที่ผ่าน อย.และปลอดภัย คือวิธีที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่าย ๆ และตรงจุด หากปล่อยปัญหาทิ้งไว้ร่องแก้มจะเป็นจุดที่บ่งบอกถึงอายุของผู้หญิงได้อย่างชัดเจน และเริ่มเห็นได้ชัดตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป เมื่อวัยเพิ่มมากขึ้นร่องแก้มก็จะยิ่งลึกยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่สลายเองได้หมด 100% โดยไม่ก่อให้เกิดสารตกค้าง เป็นสารประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic acid) ที่กำลังได้รับความนิยมจากคนจำนวนมากเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด filler สามารถคงทนอยู่ได้นานถึง 1 ปี – 1 ปีครึ่งโดยประมาณ ซึ่งขึ้นอยู่กับการเลือกรุ่นและยี่ห้อของฟิลเลอร์ โดยคนไข้สามารถกลับมาเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มเพิ่มได้อีกเป็นระยะ ๆ หลังจากที่ฟิลเลอร์ร่องแก้มได้สลายไปแล้วตามวันเวลาที่ผ่านไป
และแม้ว่าคนไข้เคสที่ไม่ได้กลับมาเติม filler อย่างต่อเนื่องตามกำหนดเวลา ผิวตรงบริเวณร่องแก้มก็ยังจะดูดีขึ้นหากเปรียบเทียบกับสมัยที่ยังไม่ได้ฉีด ถึงแม้ในระยะยาวผิวจะค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมก็ตาม สาเหตุเนื่องจากร่างกายเราจะถูกกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่บริเวณร่องแก้ม โอกาสในการเกิดริ้วรอยร่องลึกก็จะน้อยลงกว่าในคนไม่เคยฉีดเลย ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาชุ่มชื้นกว่าเดิม

คนไข้จึงควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจ ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพราะถ้าแก้ไขปัญหาอย่างผิดวิธี อาจส่งผลเสียให้เกิดเป็นก้อนได้ หรือร่องแก้มอาจลึกยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งสาเหตุของการเกิดร่องแก้มลึก มีหลายปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน

[เชื่อหรือไม่?] ว่า 2 รูปนี้ ใบหน้าต่างกันแค่เส้นที่ร่องแก้ม การมีเส้นที่ร่องแก้มจะทำให้สายตาคนที่มองประเมินจุดอื่นๆ บนใบหน้าทั้งหมดว่า ดูแก่กว่าวัยตามไปด้วยครับ
1. การเตรียมตัวก่อนฉีด-หลัง ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
อ่านเพิ่มเติม : [ข้อห้าม-ข้อปฏิบัติ] ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ผลอยู่ได้นานขึ้น
2. การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ประกอบด้วยเทคนิค 4 แบบ
มี 4 ปัจจัยหลัก อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดร่องแก้มลึก ได้แก่
2.1 เกิดจาก กระดูกบริเวณใต้ตายุบตัวลงจากเดิม
เมื่อคนเราอายุมากขึ้นโดยเฉพาะคนที่มีอายุล่วงเลยเข้าสู่วัย 30 ปีขึ้นไป กระดูกจะมีการยุบตัวลงมากทั้งบริเวณร่องแก้มและใต้ตา ส่งผลให้ร่องแก้มจะดูลึกลงเรื่อย ๆ เพราะเนื้อแก้มที่อยู่ด้านบนจะหย่อนลงมากองที่บริเวณเหนือร่องแก้ม
การแก้ไขร่องแก้มลึกที่เกิดจากสาเหตุนี้ เราไม่ควรเน้นฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียวครับ เนื่องจากเนื้อจะยิ่งไปกองตรงบริเวณเหนือร่องแก้มเป็นก้อนมากขึ้นอีก ทำให้หน้าอ้วน หน้าดูอูม ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ในคนไข้บางเคสอาจทำให้มีร่องแก้มแย่ลงกว่าเดิมอีกด้วย
การเติมฟิลเลอร์ใต้ตา คือ เทคนิคที่เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างตรงจุด ด้วยการฉีดยกผิวในชั้นกระดูก เพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน ลดความเสี่ยงที่เนื้อแก้มส่วนที่กองอยู่เหนือร่องแก้มจะเกิดเป็นก้อน สามารถช่วยให้หน้าไม่ดูอูม ร่องแก้มจะดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ตัวอย่างเคสรีวิวที่ ร่องแก้มลึก จากการยุบตัวของกระดูกใต้ตาเป็นหลัก ในเคสนี้หากคุณหมอเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว เนื้อที่หย่อนลงมาจากด้านบนไม่ได้รับการแก้ไขที่ตรงจุด ทำให้เมื่อเวลาผ่านไปจะยิ่งทำให้ร่องแก้มลึกขึ้น
2.2 เกิดจากการยุบตัวของ กระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง
การเติมฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มเพียงอย่างเดียวจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มให้กับคนไข้ได้ครับ ถ้าเป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุประมาณ 20-30 ปี เนื่องจากกระดูกใต้ตาจะยังยุบตัวลงไม่มาก ร่องแก้มก็ยังไม่ลึกมากด้วยครับ
ควรจะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มลงในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อ เพื่อป้องกันการดึงของกล้ามเนื้อที่ใช้ยิ้ม รวมถึงควรฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อยด้วย อย่างไรก็ตาม คุณหมอไม่ควรฉีดไปที่ร่องแก้มโดยตรง
ไม่อย่างนั้นแล้วร่องแก้มจะยิ่งลึกมากขึ้นกว่าแต่ก่อนหลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 2-3 เดือน สาเหตุคือฟิลเลอร์ที่จะเกิดเป็นก้อน จากการโดนดึงขึ้นไปกองเป็นเนื้ออยู่เหนือร่องแก้มนั่นเอง

ตัวอย่างเคสรีวิวที่ ร่องแก้มลึก แบบที่มีสาเหตุมาจากการยุบตัวของกระดูกใต้ร่องแก้มโดยตรง สามารถเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มเพียงแค่จุดเดียวได้ครับ

การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะส่งผลให้ผลออกมาเป็นธรรมชาติมากที่สุด
2.3 ร่องแก้มลึก จากการที่ยิ้มบ่อย ๆ จนทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงมากเกินไป
ปัญหาลักษณะนี้เราไม่ควรแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกทั้ง 100% เพราะจะส่งผลให้หน้าคนไข้ดูแข็ง การยิ้มดูไม่เป็นธรรมชาติ ฉะนั้น จึงควรแก้ด้วยการช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยเติมฟิลเลอร์ด้วยเทคนิค Myomodulatio และควรแก้ไขด้วยการฉีดโบท็อกเทคนิค Dermotoxin เพียงแค่ 50% เท่านั้น
Dermotoxin เป็นการใช้โบท็อกในปริมาณที่น้อยมาก ๆ ฉีดลงในชั้นผิวหนัง จุดประสงค์เพื่อให้คนไข้สามารถยิ้มออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ด้วยการป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อตรงร่องแก้มเกิดการคลายตัวมากเกินไป
Myomodulation คือการฉีดฟิลเลอร์ซึ่งเป็นการฉีดกดกล้ามเนื้อหรือฉีดหนุน เนื่องจากสามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้เป็นบางส่วน หลังฉีดหน้าจึงไม่แข็งและดูเป็นธรรมชาติ หากเทียบกับการฉีดโบท็อกผลลัพธ์ของวิธีนี้จะอยู่ได้นานกว่า
2.4 ร่องแก้มที่มีสาเหตุมาจากตากแดดบ่อย หรือผิวแห้ง ส่งผลให้ชั้นผิวบางลง
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์โมเลกุลเล็กในการรักษาร่องแก้มอันเกิดจากผิวแห้ง โดยการใช้ฟิลเลอร์ฉีดเพื่อเติมความชุ่มชื้นลงในชั้นผิวหนังโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นก้อนรวมถึงให้ filler เรียบเนียนไปกับผิวหนังของคนไข้

ตัวอย่างเคสรีวิวที่ ร่องแก้ม เกิดจากผิวชั้นบนแห้งและบางลง สามารถใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มโมเลกุลเล็กช่วยเติมความชุ่มชื้น เพื่อเก็บรายละเอียดในผิวชั้นตื้นได้โดยตรง
*ผลการรักษาแตกต่างกันแต่ละบุคคล
3. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม? ยี่ห้อไหนดี? และข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนฉีด
· ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม?
เพื่อลดความเสี่ยงอันเกิดจากการฉีดผิดวิธี ที่อาจส่งผลให้ร่องแก้มลึกและชัดยิ่งกว่าเก่า หน้าแข็งดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือเกิดเป็นก้อนในเวลาต่อมา คนไข้จึงควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มโดยใช้ตัวยาฟิลเลอร์ของแท้ ฉีดกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินปัญหาและสาเหตุของการเกิดร่องแก้มในคนไข้แต่ละเคสได้อย่างแม่นยำ หากปฏิบัติตามนี้แล้วย่อมจะไม่มีอันตรายครับ
· ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดี ฟิลเลอร์ของแท้ยี่ห้อต่างๆ มีจุดสังเกตอย่างไร
ผิวชั้นบนบริเวณร่องแก้มมีลักษณะแห้งและบางมาก การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแพทย์มักแนะนำว่ารุ่นที่เหมาะสมในการฉีดคือ Juvederm voluma (อยู่ได้ 1 ปีครึ่ง) หรือ Juvederm ultra plus (อยู่ได้ 1 ปี) เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีลักษณะเนื้ออ่อน มีความสามารถในการกระจายตัว รวมถึงเรียบเนียนไปกับผิว ทนต่อการขยับได้ดี และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด
· ฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องใช้กี่ cc
ส่วนใหญ่แล้วคนไข้ที่มีอายุระหว่าง 30-40 ปี ซึ่งมีร่องแก้มไม่ลึกมากนัก แพทย์จะใช้ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ทั้ง 2 ข้างเพียงแค่ประมาณ 1-2 cc เท่านั้น
แต่ในคนไข้รายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป จำเป็นต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนที่มากขึ้นในการเติม ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เช่น ใช้ 3-4 cc และบางเคสอาจต้องทำการร้อยไหมหรือ hifu ประกอบในการรักษาด้วยจึงจะให้ผลลัพธ์ที่ดี
4. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ร้อยไหมก้างปลาดึงร่องแก้ม vs ร้อยไหมเติมเต็มร่องแก้ม vs Hifu ร่องแก้ม
หากถามว่า การแก้ปัญหาร่องแก้มด้วยวิธีการใดที่ดีที่สุด การฉีดฟิลเลอร์ยังถือเป็นการแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้อย่างไม่ยากและตรงจุดที่สุดครับ
ส่วนในคนไข้ที่ร้อยไหมเงี่ยงก้างปลาเพื่อใช้ดึงร่องแก้มโดยตรง จะทำให้เนื้อขึ้นไปกองอยู่ตรงโหนกแก้ม และมีความเสี่ยงที่ผลลัพธ์จะออกมาจะดูบวม ไม่เป็นธรรมชาติในภายหลัง ดังนั้น คุณหมอจึงเลือกใช้การร้อยไหมในผิวชั้นตื้นเพื่อช่วยเสริมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สำหรับในเคสที่เติมเต็มร่องแก้มโดยใช้ไหมเรียบ เสี่ยงที่จะทำให้เกิดอีลาสติน (elastin) ซ้อนทับกันจนทำให้เกิดเป็นพังผืดแข็งได้อีก เนื่องจากในจุดเดียวกันต้องร้อยไหมซ้อนกันหลาย ๆ เส้น
แต่ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งนั่นคือ การทำ hifu ซึ่งเป็นคลื่นเสียงที่มีความปลอดภัยสูง ใช้ยิงลงในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนด้วยตัวเอง โดยคนไข้ควรทราบก่อนตัดสินใจทำว่าหากเปรียบเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ลดร่องแก้มแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการทำไฮฟู่จะไม่รวดเร็วหรือชัดเจนมากเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่ง hifu เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวการฉีดฟิลเลอร์ เพราะกลัวเข็ม และเป็นคนที่ยังมีร่องแก้มที่ไม่ลึกมากเท่าไรครับ
5. หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรดูแลตัวเองยังไงบ้าง?
· หลังจากฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเสร็จแล้ว ไม่ควรแตะ เกา หรือนวดบริเวณที่ทำ
· ในผู้ที่มีอาการบวมแดง คัน หรือเขียวช้ำ ภายในระยะเวลา 2-3 วันจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปได้เอง
· ในช่วง 48 ชั่วโมงแรกเป็นอย่างน้อยหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด งดเว้นการทำกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น การเข้าซาวน่า ตากแดด หรือออกกำลังกายหนัก ๆ โดยควรอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็น
· ในช่วง 1 เดือนหลังทำเป็นอย่างน้อย ควรงดเว้นการทำเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกประเภท เช่น RF (Radio Frequency) หรือ Thermage
· เพื่อเป็นการป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนที่และไม่เกาะผิว จึงควรหลีกเลี่ยงการขยับหน้าเยอะ ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
· ไม่ควรกดแรงในคนไข้รายที่ต้องประคบเย็น และการประคบเย็นควรทำในบางเคสรวมทั้งอยู่ภายใต้คำแนะนำของหมอเท่านั้น
· เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ควรดื่มน้ำประมาณวันละ 1.5-2 ลิตรอย่างสม่ำเสมอ

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม บวมกี่วัน?
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มคือ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีดเสร็จ รวมถึงผู้ที่จำเป็นต้องรีบใช้หน้าสามารถใช้ได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลารอให้หน้าเข้าที่ ถึงแม้ว่าหลังฉีดฟิลเลอร์อาจจะมีอาการบวมบ้างจากรอยเข็ม แต่เป็นเรื่องปรกติที่ไม่เป็นอันตราย ภายใน 2-3 วัน อาการบวมที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปได้เอง เพียงแค่คนไข้ต้องหลีกเลี่ยงการกดนวด การแตะ การเกาในจุดที่ฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน มีสาเหตุมาจาก? สามารถแก้ไขได้ไหม?
หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดเป็นก้อนนั้นยังมีทางรักษาได้คือ คุณหมอจะใช้เอนไซม์ Hyaluronidase ในการฉีดสลายฟิลเลอร์ โดยจะช่วยสลายฟิลเลอร์ได้หมดทั้ง 100% คนไข้จะมีผิวที่ฟื้นคืนกลับมาในสภาพเดิมได้อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ สาเหตุที่ส่งผลให้หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเกิดเป็นก้อนขึ้นมานั้น อาจเกิดจากแพทย์ที่ใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม หรือการเลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับจุดที่ฉีดครับ
ขอบคุณข้อมูล: ตอบข้อสงสัย การฉีดฟิลเลอร์สามารถสลายได้หรือไม่ จาก: Youtube Channel: V Square Clinic
6. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ไหนดี?
คนไข้ทุกคนล้วนต้องการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มด้วยความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด ดังนั้น จึงควรพิจาณาเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีความชำนาญ มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องแม่นยำ รวมถึงเลือกทำในคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ โดยดูจากรีวิวของคนที่เคยใช้บริการจริงเพื่อประกอบการตัดสินใจครับ
7. ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มราคา
ราคาการฉีด filler ร่องแก้มนั้นจะต้องพิจาณาจากยี่ห้อรวมถึงระยะเวลาความคงทนของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ด้วย ซึ่งโดยเฉลี่ยมักจะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี -1 ปีครึ่ง (ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือกใช้)
ที่ V Square Clinic ราคาเริ่มต้นในการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม จะอยู่ที่ 9,900 บาท/1cc โดยมีให้เลือกทั้งยี่ห้อ Juvederm ของอเมริกา และยี่ห้อ Restylane ของสวีเดน

ฟิลเลอร์ร่องแก้มรุ่นที่เหมาะสมคือ Juvederm ultraplus xc (อยู่ได้นาน 1 ปี) ราคา 9,900 .-/1cc.
8. รีวิวฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม 2 cc

ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม 2 cc

ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม 3 cc

ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม 2 cc

ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วยฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม
เอกสารอ้างอิง
1. Holger G. Gassner, MD; Amir Rafii, MD; Alison Young, MD, PhD; Craig Murakami, MD; Kris S. Moe, MD; Wayne F. Larrabee Jr, MD. 2008. Surgical Anatomy of the Face. แหล่ข้อมูล:https://jamanetwork.com/journals/jamafacialplasticsurgery/articlepdf/480585/qoa70048_9_19.pdf
2. de Maio M. Aesthetic Plast Surg 2018. Myomodulation with Injectable Fillers: An Innovative Approach to Addressing Facial Muscle Movement.. แหล่งข้อมูล:https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK482440/
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.vsquareclinic.com/